วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตัวอย่างบุคคลสำคัญทางพระพุทธศาสนาฝ่ายพระสาวก



ก.พระสารีบุตร

พระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า เกิดที่หมู่บ้านนาลกะ(บางแห่งเรียกนาลันทะ)ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์ เป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้านนั้น บิดาชื่อวังคันตพราหมณ์ มารดาชื่อสารี จึงมีนามว่าสารีบุตร แต่เมื่อยังเยาว์เรียกว่า อุปติสสะ มีเพื่อนสนิทชื่อ โกลิตะ มีน้องชาย 3 คนชื่อ จุนทะ อุปเสนะ และเรวตะ น้องสาว 3 คน ชื่อจาลา อุปจาลา และสีลุปจาลา ซึ่งต่อมาได้บวชในพระธรรมวินัยทั้งหมด เมื่ออุปติสสะและโกลิตะจะบวชนั้น ทั้งสองไปเที่ยวดูมหรสพที่ยอดเขาด้วยกัน คราวหนึ่งไปด฿แล้วเกิดความสลดใจ คิดออกแสงหาโมกขธรรม และต่อมาได้ไปบวชอยู่ในสำนักของสัญชัยปริพพาชกแต่ก็ไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย จนวันหนึ่งอุปติสสะปริพพาชก พบพระอัสสชิขณะท่านบิณฑบาต เกิดความเลื่อมใสติดตามไปสนทนาขอถามหลักคำสอนได้ฟังความย่อเพียงคาถาเดียวก็ได้ดวงตาเห็นธรรม กลับไปบอกข่าวแก่โกลิตะแล้วพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า มีปริพาชกที่เป็นศิษย์ตามไปด้วยถึง 250 คน ไดรับเอหิภิกขุอุปสมบททั้งหมดที่เวฬุวัน เมื่อบวชแล้วได้ 15 วัน พระสารีบุตรได้ฟังพระธรรมเทศนาเวทนาปริคคหสูตรที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก ณ ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ ก็ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องเป็น เอตทัคคะในทางมีปัญญามาก และ เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา ท่านได้เป็นกำลังสำคัญขอพระพุทธเจ้าในการประกาศพระศาสนา และได้รับยกย่องเป็นพระธรรมเสนาบดี คำสอนของท่านปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นอันมาก เช่น สังคิติสูตร และทสุตตรสูตร เป็นต้น ท่านปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าไม่กี่เดือน เมื่อจวนจะปรินิพพาน ท่านเดินทางไปโปรดมารดาท่านซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ ให้มารดาได้เป็นพระโสดาบันแล้ว ปรินิพพานที่บ้านเกิด ด้วยปักขันทิกาพาธ หลังจากปลงศพแล้วพระจุนทะน้องชายของท่านนำอัฐิธาตุไปถวายพระบรมศาสดา พระองค์ตรัสว่าให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่าไว้ ณ พระเชตะวัน เมืองสาวัตถี๖อรรถกถาว่าท่านปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน 12 จึงเท่ากับ 6 เดือนก่อนพุทธปรินิพพาน)

พระสารีบุตรมีคุณธรรมและจริยาวัตรที่เป็นแบบอย่างหลายประการ เช่น เป็นผู้มีความกตัญญูสูง ดังได้แสดงออกเกี่ยวกับพระอัสสชิ๖นอนหันศีรษะไปทางที่พระอัสสชิพำนักอยู่) และราธพราหมณ์๖ระลึกถึงบิณฑบาตหนึ่งทัพพีและรับเป็นอุปัชฌาย์แก่ราธะ) สมบูรณ์ด้วยขันติธรรมต่อคำว่ากล่าว๖ยอมรับคำแนะนำแม้ของสามเณร 7 ขวบ) เป็นผู้เอาเด็กยากไร้มาบรรพชา มีสามเณรอยู่ในความปกครองดูแล ซึ่งเก่งกล้าสามารถหลายรูป) และเอาใจใส่คอยดูแลภิกษุอาพาธเป็นต้น.
แหล่งข้อมูล : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม, พระธรรมปิฎก(ป.อ. ปยุตฺโต)

ข.พระมหาโมคคัลลานะ

พระมหาโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า เกิดที่บ้านโกลิตคาม ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์ เป็นบุตรของพราหมณ์นายบ้านแห่งนั้น มารดาชื่อนางโมคคัลลีพราหมณี เดิมเรียกชื่อว่าโกลิตะ ตามชื่อหมู่บ้านซึ่งบิดาของตนเป็นใหญ่ ต่อมาเรียก โมคคัลลานะ เพราะเป็นบุตรของพราหมณ์นางพราหมณีโมคคัลลี หรือโมคคัลลานีนั้น ได้เป็นสหายกับอุปติสสะ๖คือพระสารีบุตร) มาแต่เด็ก ต่อมาทั้งสองได้ออกบวชเป็นปริพาชกอยู่ในสำนักของสัญชัยปริพาชกจนกระทั่งอุปติสสะได้พบพระอัสสชิสหายทั้งสองจึงได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า บวชในพระธรรมวินัย เมื่อบวชแล้วถึงวันที่ 7 โกลิตะ ซึ่งบัดนี้เรียกว่ามหาโมคคัลลานะก็ได้บรรลุอรหัตตผล ท่านได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก ในตอนปลายพุทธกาลท่านถูกพวกโจรซึ่งได้รับจ้างจากพวกเดียรถีย์ ลอบสังหารด้วยการทุบตีจนร่างแหลก พระพุทธเจ้าโปรดให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ใกล้ซุ้มประตูวัดเวฬุวัน ในเขตเมืองราชคฤห์ ชื่อของท่านนิยมเรียกกันง่ายๆว่า พระโมคคัลลาน์

แหล่งข้อมูล : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม, พระธรรมปิฎก(ป.อ. ปยุตฺโต)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น