พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีถิ่นกำเนิดในชมพูทวีป(ทวีปที่มีต้นหว้ามาก) หรืออนุทวีปอินเดียในปัจจุบันเหมือนกัน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเกิดก่อนศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าประสูติในครอบครัวพราหมณ์-ฮินดู และดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงมีข้อเหมือนและข้อต่างกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดูดังจะได้นำเสนอเป็นลำดับดังต่อไปนี้:
ข้อเหมือนกัน
1.ทั้งพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เน้นในเรื่องสภาวะมายาของโลก และบทบาทของ กรรม ในการที่ทำให้บุคคลต้องผูกพันหรือติดอยู่กับโลกนี้และผูกติดอยู่กับสังสารวัฏ
2.พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตัณหาเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ และเมื่อสามารถขจัดตัณหาได้แล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดการดับทุกข์ ส่วนคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูบางเล่ม เช่น คัมภีร์อุปนิษัท และคัมภีร์ภควัทคีตา ก็มีความเห็นว่า การกระทำถูกกระตุ้นจากตัณหาและการยึดมั่นถือมั่น ซึ่งก็จะนำไปสู่การผูกพันและความทุกข์ และว่าการกระทำที่ปราศจากความปรารถนาหรือตัณหานั้นก็จะเกิดผลนำไปสู่การหลุดพ้น
3.พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในแนวความคิดเรื่อง กรรม ว่าเป็นตัวทำให้วิญญาณต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
4. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เน้นย้ำในเรื่องความเมตตากรุณาและความไม่ใช้ความรุนแรงต่อสรรพสัตว์สิ่งที่มีชีวิต
5. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในความมีอยู่ของนรกและสวรรค์ว่ามีหลายภพภูมิ
6. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อว่ามีเทวดาอยู่ในภพภูมิต่างๆ
7. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในเรื่องการปฏิบัติทางจิต เช่น การทำสมาธิ และจิตภาวนา
8. พระพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในเรื่องการปลีกตัวและการสละชีวิตทางโลกว่าเป็นเงื่อนไขเพื่อการเข้าสู่ชีวิตทางจิตวิญญาณ และทั้งสองศาสนาเห็นตรงกันว่าตัณหาเป็นสาเหตุของความทุกข์
9.ปรัชญา “อัทไวตะ” ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความคล้ายคลึงกับพระพุทธศาสนาในหลายแง่มุม
10. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีนิกายตันตระเหมือนกัน แต่ต่างกันคนละแบบเท่านั้นเอง
11. พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีถิ่นกำเนิดและวิวัฒนาการบนผืนแผ่นดินอินเดีย ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนาเป็นชาวฮินดูที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อินเดียมอบให้แก่มวลมนุษยชาติ
ข้อแตกต่าง
1.ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีศาสดาผู้ก่อตั้ง แต่พระพุทธศาสนาก่อตั้งโดยพระพุทธเจ้าผู้ศาสดา
2.ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เชื่อในอานุภาพและความสูงสุดของพระเวท(ฤคเวท, ยชุรเวท, สามเวท, อาถรรพเวท) แต่ชาวพุทธไม่เชื่อในพระเวท
3. พระพุทธศาสนาไม่เชื่อในความมีอยู่ของวิญญาณว่ามีกำเนิดมาจากพระเจ้า แต่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีความเชื่อในความมีอยู่ของอาตมัน คือเชื่อว่ามีวิญญาณของบุคคลและพระพรหมซึ่งเป็นพระผู้สร้างสูงสุด (ปรมาตมัน)
4. ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ยอมรับว่าพระพุทธเจ้าเป็นองค์อวตารของ มหาวิษณุ ซึ่งเป็นมหาเทพองค์หนึ่งของเทพสามองค์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ชาวพุทธไม่ยอมรับว่ามีเทพองค์ใดเสมอเหมือนหรือสูงส่งเท่าพระพุทธเจ้า
5. พระพุทธศาสนาดั้งเดิมที่สอนโดยพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า พระพุทธศาสนาแบบเถรวาท หรือ พระพุทธศาสนาแบบหีนยาน ผู้นับถือพระพุทธศาสนานิกายนี้ เดิมจะไม่บูชาพระพุทธรูป และไม่มีความเชื่อในพระโพธิสัตว์ ส่วนพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เห็นว่าพระพุทธจ้าเป็นวิญญาณสูงสุด หรือเป็นมนุษย์สูงสุด คล้ายคลึงกับพระพรหมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และทำการบูชาพระพุทธเจ้าในรูปแบบของพระปฏิมาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
6. ชาวพุทธเห็นว่า โลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ และเห็นว่าการสิ้นทุกข์เป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ ส่วนชาวฮินดูเห็นว่า เป้าหมายสูงสุด (อรรถะ) ในชีวิต มีอยู่ 4 อย่าง กล่าวคือ ธรรมะ(หน้าที่ทางศาสนา), อรรถะ(ทรัพย์สิน หรือสมบัติทางวัตถุ), กามะ(ตัณหาและราคะ) และโมกษะ(ความหลุดพ้น)
7.ชาวฮินดูเชื่อในอาศรม 4 หรือขั้นตอนในชีวิต 4 ( พรหมจารี, คฤหัสถ์, วนปรัสถ์, สันยาสี) อาศรม 4 นี้ไม่มีการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ชาวพุทธสามารถเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุในเวลาใดก็ได้แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละบุคคล
8. ชาวพุทธมีการก่อตั้งเป็นคณะสงฆ์และมีพระภิกษุเข้ามาบวชอยู่เป็นหมู่คณะ แต่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นศาสนาของปัจเจกบุคล
9. พระพุทธศาสนามีแนวความเชื่อในเรื่องพระโพธิสัตว์ แต่ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้
10. พระพุทธศาสนายอมรับในความมีอยู่ของเทพและเทพธิดาบางองค์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่กำหนดฐานะให้อยู่ในที่ต่ำไม่มีความสูงส่งมากมายนัก
11. ที่พึ่ง(สรณะ) ในพระพุทธศาสนา คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสิ่งสำคัญสามอย่างสำหรับชาวพุทธในขณะปฏิบัติตามอริยมรรค 8 ส่วนศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีทางเลือกหลายอย่างแก่ผู้ปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นหรือเพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง
12. แม่ว่าทั้งพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะมีความเชื่อในเรื่องกรรมและการกลับชาติมาเกิดเหมือนกัน แต่ทั้งสองศาสนาแตกต่างกันในแนวคิดของทั้งสองอย่างที่จะดำเนินการและมีผลกระทบต่อความมีอยู่ของบุคคลแต่ละคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น